เรื่องที่ต้องรู้! ก่อนตัดสินใจเช่าฟอร์คลิฟท์
รถฟอร์คลิฟท์เช่า – คำตอบที่ใช่สำหรับธุรกิจของคุณ?
การซื้ออุปกรณ์สำหรับงานคลังสินค้าถือเป็นการใช้เงินลงทุนก้อนใหญ่และอาจไม่ใช่คำตอบสำหรับทุกธุรกิจ ยิ่งในความไม่แน่นอนของปัจจุบัน หลายธุรกิจได้หันมาเลือกการเช่ารถฟอร์คลิฟท์แทนการซื้อขาด ซึ่งสัดส่วนดังกล่าวนั้นเริ่มสูงมากขึ้นเรื่อยๆ จากบทวิเคราะห์ “2022 Lift Truck Acquisition Study” ของนิตยสาร Modern Materials Handling ในสหรัฐอเมริกา พบว่า 49% ของลูกค้าในปัจจุบันเลือกที่จะซื้อ ในขณะที่อีก 51% เลือกที่จะเช่าแทน
การเช่ารถฟอร์คลิฟท์เป็นหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากความยืดหยุ่นในการทำสัญญาตั้งแต่ระยะสั้น (ไม่ถึง 12 เดือน) จนไปถึงการเช่าระยะยาวต่อเนื่อง (บางธุรกิจมากถึง 84 เดือน) ช่วยให้หลายธุรกิจสามารถปรับเปลี่ยนจำนวนรถและรุ่นรถให้เหมาะกับการทำงานในแต่ละช่วงเวลาได้ รวมไปถึงการลดความยุ่งยากและค่าใช้จ่ายในด้านการซ่อมบำรุง แต่จุดเด่นสำคัญของการเช่าคือ ช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงรถฟอร์คลิฟท์ได้โดยไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินก้อน ลดภาระด้านการเงินของบริษัท และการจ่ายค่าเช่าเป็นรายเดือนสามารถช่วยให้กำหนดงบประมาณและค่าใช้จ่ายได้แม่นยำมากขึ้น
ในทางกลับกัน การเลือกซื้อรถฟอร์คลิฟท์ หมายความว่าบริษัทเป็นเจ้าของรถคันนั้นๆ 100% และสามารถใช้งานได้โดยไม่มีข้อผูกมัด สามารถดัดแปลงหรือติดตั้งอุปกรณ์ตามที่ต้องการได้อย่างอิสระ สามารถย้ายรถคันดังกล่าวไปยังสาขาหรือสถานที่อื่นๆได้ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการดูแลรักษา การซ่อมบำรุง และการหาผู้ซื้อหากต้องการขายรถคันดังกล่าวออกไป รวมไปถึงการเสียโอกาสเข้าถึงเทคโนโลยีที่มีในรถฟอร์คลิฟท์รุ่นใหม่ๆ แต่ที่สำคัญที่สุด คือรถฟอร์คลิฟท์เป็นทรัพย์สินที่เสื่อมมูลค่าตามกาลเวลา
หากดูจากการเปรียบเทียบเบื้องต้น การเช่าดูเหมือนจะเป็นคำตอบที่ใช่ แต่รายละเอียดการเช่านั้นลึกซึ้งกว่าที่เห็น เพราะอาจมีเงื่อนไขหรือข้อกำหนดที่อาจกลายเป็นค่าใช้จ่ายแฝง และกลายเป็นภาระโดยไม่จำเป็นก็เป็นได้
รายละเอียดของการเช่ารถฟอร์คลิฟท์ที่ผู้เช่าควรพิจารณา
หลายธุรกิจมองแค่เพียงเฉพาะค่าเช่ารายเดือน แต่เงื่อนไขอื่นๆที่มีผลต่อราคาเช่านั้นก็เป็นจุดที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบางสัญญาจากผู้ให้บริการบางรายที่เสนอราคาเช่าถูกมากๆ อาจมีค่าใช้จ่ายแฝง ตัวอย่างเช่น
- ค่าใช้จ่ายด้านเอกสาร (Document / Administration Fee) – ส่วนใหญ่มักจะถูกรวมอยู่ในค่าเช่ารายเดือนอยู่แล้ว แต่ในกรณีที่เป็นโครงการใหญ่หรือต้องมีการส่งเอกสารไปหลายสาขา ผู้ให้บริการอาจคิดค่าใช้จ่ายเพิ่มได้
- ค่าเช่าแบบล่วงเวลา (Overtime Fee) – ผู้ให้บริการอาจมีการกำหนดจำนวนชั่วโมงของการใช้รถในแต่ละเดือนหรือแต่ละปี ซึ่งหากผู้เช่าใช้งานรถเกินชั่วโมงที่กำหนดในสัญญา อาจมีการเก็บค่าใช้จ่ายหรือค่าปรับเพิ่มเติมได้
- ค่าใช้จ่ายในการส่ง/รับรถคืน (Delivery / Return Fee) – การเช่ารถระยะสั้นส่วนใหญ่มักจะไม่ได้รวมค่าขนส่งรถไว้ ผู้เช่าควรสอบถามผู้ให้บริการก่อนทุกครั้ง ไม่เช่นนั้นอาจกลายเป็นค่าใช้จ่ายแฝงก้อนใหญ่ที่อาจแพงกว่าค่าเช่ารถฟอร์คลิฟท์เสียด้วยซ้ำ
- ค่าอะไหล่สิ้นเปลือง / ซ่อมบำรุงอื่นๆ (Parts / Repair Fee) – โดยปกติผู้ให้บริการจะรวมค่าซ่อมบำรุงตามระยะลงไปในค่าเช่ารถอยู่แล้ว แต่ในบางกรณีอาจมีการกำหนดเงื่อนไขการใช้งานให้กับผู้เช่า เช่น จำนวนยางหรือแบตเตอรี่ที่เปลี่ยนให้ในช่วงสัญญา หากผู้เช่าใช้งานรถฟอร์คลิฟท์อย่างหนักในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย อะไหล่สิ้นเปลืองอาจเสื่อมสภาพก่อนกำหนด กลายเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม หรือหากผู้เช่าใช้งานผิดวิธี/ประมาทและเกิดอุบัติเหตุจนทำให้รถเสียหาย นอกจากจะไม่มีรถใช้งานแล้ว ยังต้องจ่ายค่าซ่อมบำรุงมหาศาลอีกด้วย
- หากไม่ต่อสัญญา ต้องมีการแจ้งล่วงหน้า (Renewals) – คอยติดตามวันหมดสัญญาของรถฟอร์คลิฟท์แต่ละคันไว้ให้ดี สัญญาเช่ารถบางกรณีอาจมีข้อกำหนดคล้ายกับสัญญาบริการแบบ Subscription ที่ต่อสัญญาเดือนต่อไปโดยอัตโนมัติ ผู้เช่าควรวางแผนล่วงหน้า และแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบว่าต้องการจะใช้บริการต่อหลังหมดสัญญาหรือไม่
- จ่ายก่อนเช่า (Interim Rent) – ในบางกรณี โดยเฉพาะในกลุ่มของรถที่มีอุปกรณ์หรือสเปคพิเศษ ผู้ให้บริการบางรายอาจมีการเรียกเก็บค่าเช่าตั้งแต่เริ่มสัญญาแม้ว่ารถยังไม่ได้ส่งถึงหน้างานของผู้เช่า (คล้ายกับการเก็บมัดจำล่วงหน้า)
ข้อควรสังเกตอื่นๆ
ผู้เช่าควรศึกษาเงื่อนไขต่างๆในสัญญาเช่าอย่างละเอียด รวมถึงดูแลรักษารถให้อยู่ในสภาพดีหรือใกล้เคียงกับตอนที่เริ่มสัญญาเช่าให้มากที่สุด แน่นอนว่าการใช้งานรถฟอร์คลิฟท์ไปสักระยะเวลาหนึ่งอาจมีอุปกรณ์สึกหรอหรือเสื่อมสภาพตามกาลเวลา แต่ควรเก็บรักษาอุปกรณ์หลัก รวมไปถึงเอกสารและคู่มือติดรถไว้ให้เรียบร้อย หากมีอุปกรณ์เสียหายหรือสูญหาย ทางผู้ให้บริการอาจคิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมได้
การวางแผนล่วงหน้าก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่ทุกธุรกิจควรพิจารณา โดยเฉพาะเมื่อความต้องการหรือรูปแบบสินค้าเปลี่ยนไป เช่น จากเดิมเน้นการจัดเก็บที่ต้องใช้รถยกสูง มาเป็นงาน Crossdock ที่ต้องใช้รถยกลากแทน ควรปรึกษากับผู้ให้บริการเพื่อการเลือกเช่ารถที่เหมาะสมกับงาน
เงื่อนไขการเช่าแบบยืดหยุ่น – เทรนด์ใหม่สำหรับธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไว
ในโลกปัจจุบันที่มีความไม่แน่นอนอยู่ตลอดเวลา การเลือกเช่าแบบยืดหยุ่นซึ่งเริ่มมีผู้ให้บริการหลายรายนำเสนออย่างแพร่หลายในท้องตลาด ก็เป็นเทรนด์ใหม่สำหรับธุรกิจที่ต้องเปลี่ยนแปลงการทำงานเป็นประจำ ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้รถคันใหม่ป้ายแดง หรือค่าเช่าที่ถูกที่สุดเหมือนกับการเช่าระยะยาวที่มีสัญญาผูกมัด ซึ่งผู้เช่าจะได้ประโยชน์จากความยืดหยุ่นต่างๆแต่มักจะมีเงื่อนไข ซึ่งต้องศึกษาชั่งน้ำหนักให้ดี ตัวอย่างเช่น
- เลือกวันที่จ่ายค่าเช่าได้ – สามารถต่อรองเงื่อนไขการวางบิลกับผู้ให้บริการได้ เช่น เดือนแรกจ่ายต้นเดือน เดือนที่สองจ่ายกลางเดือน เป็นต้น เหมาะกับธุรกิจที่ต้องควบคุมค่าใช้จ่าย
- เลื่อนจ่ายจากรายเดือนเป็นรายไตรมาส - หากไม่สะดวกหรืองบประมาณในเดือนนั้นๆหมดด้วยกรณีใดๆก็ตาม ผู้ให้บริการอาจมีเงื่อนไขให้จ่ายค่าเช่าเป็นก้อนเดียวเป็นรายไตรมาสได้โดยไม่มีค่าปรับหรือดอกเบี้ย
- ไม่มีข้อผูกมัดด้านระยะเวลาเช่า – หากจำเป็นต้องยกเลิกและคืนรถก่อนหมดสัญญา ก็สามารถทำได้โดยไม่มีค่าปรับ อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปรถที่ให้เช่าในสัญญาลักษณะนี้มักจะเป็นรถมือสอง ถ้าเป็นรถสเปคพิเศษหรือรถใหม่จะไม่เข้าเกณฑ์นี้ และจะมีราคาเช่าที่สูงกว่ารถเช่าผูกสัญญายาว
- เพิ่ม-ลดจำนวนรถเช่าได้อย่างอิสระตามความต้องการของหน้างานจริง ซึ่งส่วนใหญ่รถที่ให้เช่าด้วยเงื่อนไขนี้มักเป็นรถเครื่องยนต์ แต่กรณีเป็นรถไฟฟ้าอาจจะเป็นแบตเตอรี่เก่า หากเป็นแบตเตอรี่ใหม่ ผู้ให้บริการจำเป็นต้องเพิ่มระยะเช่า
ด้วยตัวเลือกมากมายไม่ว่าจะเป็นการซื้อหรือเช่า ท้ายสุดควรทำการศึกษาและทำความเข้าใจกับเงื่อนไขต่างๆของผู้ให้บริการให้ชัดเจน รวมไปถึงวางแผนการทำงานและทิศทางของธุรกิจเพื่อการเลือกทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดกับงาน หากต้องการราคาที่ดีที่สุดจากการผูกสัญญาระยะยาว ก็ควรพิจารณาวางแผนระยะยาวตามด้วย เพื่อป้องกันค่าปรับหรือค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนเงื่อนไขหรือเลิกสัญญา หากมีข้อสงสัยหรือต้องการคำปรึกษา ลองติดต่อหรือนัดผู้ให้บริการรถฟอร์คลิฟท์เพื่อหาคำตอบที่ใช่สำหรับธุรกิจของคุณได้ เจนบรรเจิดมีศูนย์บริการโฟล์คลิฟท์ โคราช อยุธยา ระยอง ชลบุรี ลพบุรี
