
EP.3 ยืดอายุรถยก - วิธีการยืดอายุยางของรถฟอร์คลิฟท์ของคุณ
ยางรถฟอร์คลิฟท์หรือยางตันโฟล์คลิฟท์เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการทำงานภายในคลังสินค้าของคุณ รถที่มีสภาพยางที่ดีและพร้อมใช้งานจะมีประสิทธิภาพที่สูงกว่า ทำงานได้อย่างปลอดภัย และช่วยลดค่าใช้จ่าย ดังนั้นการตรวจสอบและสังเกตสภาพยางก่อนที่จะเกิดความเสียหายจึงเป็นสิ่งสำคัญ นี่คือวิธีการยืดอายุยางรถฟอร์คลิฟท์ของคุณ
- เลือกยางให้เหมาะสมกับงาน
ยางรถฟอร์คลิฟท์ในท้องตลาดมีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นยางตัน ยางลม ซึ่งก็มีทั้งแบบยางดำธรรมดา หรือยางขาว เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพที่สุด ควรพิจารณาเลือกยางให้เหมาะสมกับงาน เช่น หากใช้งานนอกอาคารเป็นหลัก และต้องการความทนทาน ยางตันดำมักจะเป็นทางเลือกหลัก หากต้องการความนุ่มนวลอาจเลือกเป็นยางลม แต่ก็ต้องระวังเรื่องเศษวัสดุตามพื้นที่ใช้งาน และต้องคอยเติมลมยาง เป็นต้น
- อบรมการใช้งานอย่างถูกต้องให้กับผู้ขับขี่
พฤติกรรมการขับขี่ที่ไม่เหมาะสม นอกจากจะทำให้รถสึกหรอไว ยังทำให้ยางเสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควรด้วย ควรพิจารณาคอร์สอบรมพนักงานขับขี่ หรือปรึกษากับตัวแทนจำหน่าย เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานรถได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย
- หมั่นตรวจสอบสภาพยางเป็นประจำ
ถ้าเป็นไปได้ ผู้ขับขี่ควรตรวจสอบสภาพยางของรถก่อนนำไปใช้งานทุกครั้ง หรืออย่างน้อยๆสัปดาห์ละครั้ง
Tips ตรวจสอบสภาพยาง
ควรใช้เวลาสั้นๆประมาณ 5-10 นาทีในการตรวจสอบล้อและยางของรถฟอร์คลิฟท์ทุกเส้นรวมทั้งจุดอื่นๆด้วย เช่น
• สังเกตดูว่ามีเศษวัสดุต่างๆติดอยู่ในตัวยางหรือไม่
• ดูรอบๆยางว่ามีรูรั่ว เนื้อยางลอกร่อนหรือฉีกขาดหรือไม่
• ถ้าเป็นล้อยางลม ตรวจสอบแรงดันลมและเติมให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
• เช็คศูนย์ล้อของรถให้อยู่ในระดับตรง
• เช็คว่าระบบควบคุมและระบบเบรกทำงานปกติดีหรือไม่ หากดูสภาพแล้วไม่พร้อมใช้หรือไม่ปลอดภัย ควรแจ้งช่างซ่อมฯเพื่อทำการซ่อมบำรุงหรือเปลี่ยนยางใหม่ก่อนนำรถไปใช้งาน
-
สำหรับยางลม แรงดันลมต้องเหมาะสมกับยาง
การเติมลมที่แน่นจนเกินไปอาจทำให้ยางระเบิดขณะใช้งานรถได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องยกสินค้าที่หนักมากๆในพื้นที่ที่ร้อนจัด (เนื่องจากการขยายตัวของยาง) กลับกัน หากแรงดันลมน้อยอาจทำให้ควบคุมรถได้ยากและอาจเกิดอุบัติเหตุ ควรเช็คแรงดันลมของรถก่อนนำไปใช้งานทุกครั้ง
-
น้ำมันหล่อลื่น ช่วยลดการสึกหรอได้
ระบบส่งกำลังและระบบเบรกจำเป็นต้องมีการหล่อลื่น เพื่อลดโอกาสเกิดการเสียดสีซึ่งทำให้การขับขี่กระตุก ส่งผลต่ออายุของยางรถ คอยเช็คและหล่อลื่นระบบดังกล่าวเป็นประจำ
-
ปรับแรงเบรกให้เหมาะสม
การใช้แรงเบรกมากจนเกินไปก่อให้เกิดความร้อนมาก ซึ่งนอกจากจะทำให้เบรกเสื่อมไวแล้ว ความร้อนที่เกิดขึ้นอาจทำให้ยางระเบิดเช่นกัน
-
อย่ายกสินค้าเกินพิกัดของรถ
การยกสินค้าที่มีน้ำหนักมากกว่าที่รถฟอร์คลิฟท์สามารถรับได้ นอกจากจะก่อให้เกิดความเสียหายกับระบบยกของรถแล้ว ยังมีความเสี่ยงที่ยางจะระเบิดได้อีกด้วย อีกกรณีที่ต้องระวังคือการยกสินค้าต้องกระจายน้ำหนักให้เหมาะสม ระวังเวลาเข้าโค้งหรือเลี้ยว เพราะน้ำหนักจะเทไปที่ล้อข้างใดข้างหนึ่งมากเกินกว่าที่ยางจะรับไหว
-
อย่ายกสินค้าไว้นานจนเกินไป
การยกสินค้าทิ้งไว้เป็นระยะเวลานานๆหลายชั่วโมงโดยที่รถไม่มีการเคลื่อนที่ อาจทำให้ยางเกิดการยุบตัวและเสียรูป ส่งผลต่อการสั่นสะเทือนเวลาขับขี่และการทำให้รถและสินค้าเสียหายได้ หากไม่ได้ใช้รถเป็นระยะเวลานานๆ ควรวางสินค้าลงเพื่อลดแรงและรักษารูปยาง
-
พื้นที่ใช้งานต้องเรียบและสะอาด
การนำรถฟอร์คลิฟท์เข้าไปใช้งานในพื้นที่ขรุขระ มีพื้นแตกหรือทรุดตัว จะทำให้ยางเสียหายอย่างรวดเร็ว ควรตรวจสอบและซ่อมบำรุงพื้นที่ใช้งานให้เรียบที่สุดเพื่อรักษาอายุของยางรถ และทำความสะอาด ไม่ให้มีเศษหิน เศษไม้หรือวัสดุต่างๆที่อาจทิ่มแทงยางจนเสียหายได้
-
ระวังพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูง
การใช้รถฟอร์คลิฟท์ในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูงทำให้อายุของยางลดลงอย่างมาก หลีกเลี่ยงอย่าให้ยางโดนที่จุดมีความร้อนสูง เช่น หน้าเตาหลอม หรือ พื้นที่ที่มีประกายไฟ หากจำเป็นต้องใช้งานในพื้นที่ดังกล่าวควรพิจารณาติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันความร้อนเพื่อช่วยยืดอายุของยาง
-
ระวังอย่าให้โดนน้ำมัน
ยางรถฟอร์คลิฟท์จะเสื่อมสภาพหากโดนน้ำมันหรือจารบี และยังมีความเสี่ยงที่จะทำให้ล้อหมุนฟรีอีกด้วย หากเผลอขับผ่านหรือมีน้ำมันหกใส่ ควรหยุดรถและรีบล้างคราบน้ำมันออกจากล้อทันที