
EP.2 ถึงเวลาเปลี่ยนยางรถฟอร์คลิฟท์แล้วหรือยัง!?
ยางรถฟอร์คลิฟท์หรือยางตันโฟล์คลิฟท์ที่เสื่อมสภาพจะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลงและสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากขึ้น เนื่องจากยางไม่สามารถเกาะหรือขับเคลื่อนได้เต็มที่ การชะลอหรือหยุดรถก็จะทำได้ยากมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดอกยางหมด ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายหรืออันตรายต่อตัวรถ คนขับ และพนักงานที่ทำงานอยู่ภายในคลังสินค้าได้
สังเกตสัญญาณดังต่อไปนี้ เพราะหากพบเจอก็ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนยางแล้ว
- ยางสึกจนถึงเส้นที่กำหนด หรือถึงตัวอักษรบนยางแล้ว
ยางรถฟอร์คลิฟท์เกือบทุกยี่ห้อจะมีเส้นกำหนดเปลี่ยนยาง ซึ่งหากยางสึกจนถึงเส้นดังกล่าวแปลว่าความสมบูรณ์ของยางนั้นเหลือเพียง 20% หรือหากไม่มีเส้นดังกล่าว แต่ตัวอักษรบนตัวยางนั้นขาดหรือเลือนไป ก็ถึงเวลาที่ควรจะเปลี่ยนยางเช่นกัน
- ดอกยางรถเลือนหรือหายจะตัวยางหมดแล้ว
สังเกตเหมือนกับยางรถยนต์ หากยางรถฟอร์คลิฟท์ที่เคยมีดอกยางนั้นเลือนหรือเรียบจนหายไป ก็ถึงเวลาเปลี่ยนแล้วเช่นกัน
- เนื้อยางแหว่งหรือหลุดไป
ยางรถฟอร์คลิฟท์ที่เป็นแบบยางตัน ที่ผ่านการใช้งานมานานหรือมีการบดทับเศษวัสดุบ่อยๆ อาจเกิดเหตุการณ์ที่เนื้อยางแหว่งไป ซึ่งจะทำให้การขับขี่ไม่เรียบเหมือนที่เคย และอาจก่อให้เกิดความเสียหายกับสินค้าที่กำลังยกได้ ซึ่งในกรณีนี้ถ้าเนื้อยางแหว่งไม่มาก สามารถซ่อมแซมโดยการปะได้ แต่หากเสียหายมากก็ควรเปลี่ยนยางใหม่ทั้งเส้น
- ยางแบนข้างใดข้างหนึ่ง
การขับขี่บนพื้นที่เอียงหรือลาดชันบ่อยๆอาจทำให้ยางรถฟอร์คลิฟท์เสื่อมสภาพไม่พร้อมกัน สังเกตง่ายๆว่ายางที่ต้องรับแรงอยู่เป็นประจำจะมีการแบนก่อนเส้นอื่นๆ แต่หากเกิดอาการแบนทั้งๆที่ใช้งานบนพื้นที่เรียบ เป็นไปได้ว่ารถอาจเสียศูนย์ ควรแจ้งช่างซ่อมฯเข้ามาตรวจเช็คและตั้งศูนย์ใหม่
- มีรอยแตกบนตัวยาง
รถฟอร์คลิฟท์ที่ยกสินค้าหนักๆเป็นประจำ หรือมีการยกสินค้าหนักเกินพิกัดอาจทำให้ตัวยางเสียรูปจากแรงกดและความร้อนขณะใช้งาน ซึ่งจะทำให้มีรอยแตกบนตัวยาง หากเปลี่ยนยางแล้วยังเกิดอาการอยู่ อาจพิจารณาเปลี่ยนขนาดยางที่กว้างขึ้น เพื่อให้สามารถกระจายน้ำหนักได้ดีมากยิ่งขึ้น
การตรวจสอบสภาพยางเป็นประจำนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่คนขับควรเอาใจใส่ หากพบเจอปัญหาได้รวดเร็วจะช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างปลอดภัย ลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุและค่าใช้จ่ายที่อาจจะตามมาภายหลัง
อยากลดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนยาง สามารถทำอย่างไรได้บ้าง?
ถึงแม้ว่าการลงทุนในการเปลี่ยนยางนั้นจะเป็นมูลค่าที่ค่อนข้างสูง แต่ประโยชน์ที่จะได้รับนั้นถือว่าคุ้มค่ากว่ามาก ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพในการขับขี่ที่ดีขึ้น ทำให้คนขับทำงานได้อย่างสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ลดการสั่นสะเทือนซึ่งช่วยลดโอกาสสินค้าเสียหาย รวมถึงลดอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจากแรงเสียดทานที่ลดลงด้วย
ถึงแม้ว่าเป็นเรื่องจำเป็น แต่การลงทุนให้คุ้มค่าก็ควรที่จะพิจารณาข้อดังต่อไปนี้ เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนยางได้
- หากเป็นการใช้งานภายในคลังสินค้า อาจพิจารณายางตันแบบ Smooth Cushion แทนยางตันธรรมดาที่มีดอกยางมากๆ เนื่องจาก Smooth Cushion จะมีเนื้อยางที่แน่นกว่า สามารถใช้งานได้นานกว่า แต่ก็มีข้อเสียคือไม่เหมาะกับพื้นที่นอกอาคารหรือพื้นที่เปียกชื้น
- พิจารณายางที่มีความหนาหรือกว้างที่สุดเท่าที่กะทะล้อสามารถรับได้ เพราะยางที่หนากว่าจะช่วยให้สามารถรับน้ำหนักได้มากกว่า เกาะถนนดีกว่า และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าด้วย
- เลือกยางคุณภาพสูงจากยี่ห้อหรือผู้ผลิตที่มีชื่อเสียง เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น ยางราคาถูกอาจไม่ได้คุณภาพหรือเสื่อมสภาพก่อนกำหนด ก็เป็นได้