หนทางการอยู่รอดของธุรกิจ สู่ New Normal หลังวิกฤต COVID-19 : เจนบรรเจิด (Jenbunjerd) ผู้นำด้านการผลิต จัดจำหน่าย และส่งออกอุปกรณ์จัดเก็บยกย้ายที่มีความหลากหลาย

Contact Info

  • 359 Bondstreet Rd.(Chaengwattana 33), Bangpood, Pakkred, Nonthaburi 11120 Thailand
  • info@jenbunjerd.com
  • 02-096-9898 (200 คู่สาย)
หนทางการอยู่รอดของธุรกิจ สู่ New Normal หลังวิกฤต COVID-19

การระบาดของไวรัสโคโรน่าไม่เพียงแต่เป็นวิกฤตทางด้านสุขภาพครั้งใหญ่ อ่านต่อ..

       การระบาดของไวรัสโคโรน่าไม่เพียงแต่เป็นวิกฤตทางด้านสุภาพครั้งใหญ่ แต่จะเป็นการพลิกโฉมโครงสร้างเศรษฐกิจโลกครั้งใหญ่ ผู้นำองค์กรควรจะนำพาองค์กรไปยังทิศทางใด สำหรับบางองค์กร ขณะนี้ทำได้เพียงการเอาตัวรอดในระยะสั้น ขณะที่รายอื่นๆกำลังพยายามมองให้ทะลุม่านหมอกแห่งความสับสนวุ่นวาย และคิดว่าจะทำอย่างไรหลังวิกฤตผ่านพ้นไป คำถามก็คือว่า “ความเป็นปกติ” จะมีหน้าตาเป็นยังไงในอนาคต ขณะที่ไม่มีใครล่วงรู้ได้เลยว่าวิกฤตจะลากนานเท่าไหร่ แต่สิ่งที่แน่นอนก็คือ ความปกติที่เราจะต้องเจอหลังวิกฤตจะไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไป

       หลังจากนี้ไปยุคสมัยในช่วงชีวิตของพวกเราจะถูกแบ่งเป็นยุคก่อนโคโรน่าและยุคหลังโคโรน่า ซึ่งจะเกิด “ควาปกติแบบใหม่” หรือ New Normal ในความเป็นจริงแบบใหม่นี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมขนานใหญ่ แล้วเราจะเอาตัวรอดอย่างไร

       บทความชิ้นนี้ขอเสนอแนวปฏิบัติ 5 ขั้นตอน เพื่อนำพาองค์กรไปสู่ New Normal หลังจากการต่อสู้กับไวรัสโคโรน่าสิ้นสุดลง นั่นคือ Resolve (ฟันธง), Resilience (ยืดหยุ่น), Return (ฟื้นคืน), Reimagination (คิดใหม่) และ Reform (ปฏิรูป)

Resolve ฟันธง

       ช่วงนี้เป็นช่วงการตัดสินใจขั้นแรกและสำคัญที่สุดเพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตไปได้ ต้องรีบฟันธงและดำเนินการทันที บางองค์กรประสบภาวะซบเซาอย่างรุนแรง หลายๆองค์กรกำลังพิจารณายุติการทำงานเลยหรือรอดูสถานการณ์ หลายองค์กรได้เดินหน้าเต็มที่ไปแล้วเรื่องการเพิ่มมาตรการความปลอดภัยของพนักงานโดยทำงานจากที่บ้าน ผู้นำองค์กรต้องเร่งตัดสินใจให้ได้ว่าจะเดินหน้าอย่างไรต่อไปโดยพิจารณาจากระดับความรุนแรง เร่งด่วนของปัญหา และควรจะดำเนินการเร็วหรือลงลึกขนาดไหน ต้องทบทวนเรื่องต้นทุนใดที่ fixed จริงๆ และอะไรเป็น variable ในวิกฤตครั้งนี้เราจะได้เห็นว่า แท้จริงแล้วอะไรคือความจำเป็น และอะไรที่ไม่ใช่ เป็นเพียงเรื่องที่มีก็ดี แต่ไม่มีก็ได้

Resilience ยืดหยุ่น

       COVID-19 ไม่เพียงแต่เป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพเท่านั้น แต่ได้ลุกลามแพร่กระจายไปยังระบบเศรษฐกิจและการเงิน การชะงักงันของกิจกรรมทางเศรษฐกิจด้วยเหตุผลเพื่อความปลอดภัยด้านสุขภาพกำลังส่งผลสะเทือนต่อเศรษฐกิจ สถาบันทางการเงินและปากท้องของประชาชนด้วย วิกฤตด้านสุขภาพได้กลายเป็นวิกฤตทางเศรฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดในรอบร้อยปีจากความไม่มั่นใจว่าระดับ GDP และการจ้างงานจะได้รับผลกระทบรุนแรง ยาวนานขนาดไหน ในสถานการณ์เช่นนี้ ความยืดหยุ่นขององค์กรมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ประเด็นใกล้ๆตัวอย่างเช่นกระแสเงินสด สภาพคล่องทางการเงินเป็นประเด็นที่สำคัญที่สุด แต่หลังจากนี้แล้วองค์กรต้องคิดแผนการฟื้นฟูกลับสู่สภาพเดิมที่กินความกว้างกว่านั้น เพราะวิกฤตครั้งนี้จะพลิกผันโครงสร้างอุตสาหกรรมแบบเดิมและ reset ความสามารถทางแข่งขันของทุกอุตสาหกรรมไปตลอดกาล

Return ฟื้นคืน

       การฟื้นฟูธุรกิจกลับคืนสู่สภาพเดิมหลังวิกฤตครั้งนี้ถือเป็นความท้าทายอย่างมาก หลายๆอุตสาหกรรมต้องฟื้นฟูซัพพลายเชนทั้งหมด เพราะไวรัสโคโรน่าส่งผลกระทบต่อซัพพลายเชนในหลายภูมิภาคของโลก จุดที่อ่อนไหวที่สุดในห่วงโซ่ซึ่งจะเป็นตัวตัวสินว่าฟื้นคืนสำเร็จหรือไม่ก็คือเรื่องการจ้างงานและฝึกอบรมให้ทีมงานใหม่สามารถปฏิบัติงานได้เหมือนที่เคยเป็นมาก่อน ผู้นำต้องประเมินภาพรวมทางธุรกิจทั้งหมด และวางแผนเร่งด่วนเพื่อนำพาธุรกิจให้กลับมาในระดับเดิมให้ได้ ความท้าทายจะทวีคูณขึ้นไปอีกเมื่อหน้าหนาวมาเยือนและอาจจะนำโรคระบาดกลับมาอีกครั้ง ตราบใดที่ยังไม่มีวัคซีน หรือการรักษาที่เป็นมาตรการเชิงป้องกันที่มีประสิทธิภาพ การกลับมาระบาดอย่างรวดเร็วและรุนแรงอีกครั้งจะเป็นภัยคุกคามที่น่าหวั่นเกรงเป็นอย่างยิ่ง

Reimagination คิดใหม่

       ผู้นำต้องลองจินตนาการว่าโลกหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร วิกฤต COVID-19 นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตและการทำงาน การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยจัดการจะยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้น ในด้านวิถีชีวิตจะเห็นได้ชัดเจนว่าโลกออนไลน์กลายเป็นแรงหนุนสำคัญที่เปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคไปตลอดกาล ขณะที่ในโลกธุรกิจ วิกฤตครั้งนี้อาจเป็นจุดสิ้นสุดของการโลกาภิวัฒน์ด้านห่วงโซ่อุปทาน ที่การผลิตและแหล่งสรรหาสินค้าต้องย้ายไปอยู่ใกล้กับลูกค้าปลายทางมากขึ้น

Reform ปฏิรูป

       วิกฤตครั้งนี้จะเผยเนื้อแท้ออกมาว่าองค์กรมีจุดอ่อนอะไร แต่ก็จะชี้โอกาสใหม่ๆให้กับองค์กรด้วย องค์กรที่สามารถปรับตัวได้รวดเร็วในภาวะที่มีความไม่แน่นอนสูงเท่านั้นจึงจะอยู่รอด ผู้นำองค์กรต้องปฏิรูปรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการพึ่งพาแรงงานคน ลักษณะการจ้างงาน การนำเทคโนลยีมาปรับใช้จะถูกเร่งให้เกิดเร็วขึ้น ผู้ประกอบการจะเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วว่า ปัจจัยที่ผลักดันให้เกิดผลผลิตเมื่อขาดแคลนแรงงานคืออะไร ผลลัพธ์ที่จะได้ก็คือการตกผลึกทางความคิด และจะเห็นได้ชัดเจนขึ้นว่า จริงๆแล้วปัจจัยอะไรที่จะทำให้ธุรกิจมีเกราะป้องกันจากแรงปะทะมากกว่า มีผลิตผลที่ดีกว่า และส่งมอบไปยังลูกค้าได้ง่ายกว่า

       ไวรัสโคโรน่าจะได้ส่งผลกระทบไปไกลอีกเท่าไหร่ วิกฤตครั้งนี้จะคลี่คลายอย่างไร ยังคงต้องดูกันต่อไป แต่แนวทางปฏิบัติ 5 ขั้นตอนนี้จะช่วยให้ผู้นำเห็นหนทางที่ชัดเจนขึ้นว่า จะต้องเริ่มค้นหาหนทางไปสู่ความปกติแบบใหม่อย่างไร เพราะในโลกหลังจากนี้จะไม่มีอะไรที่เหมือนโลกใบเดิมเลย

องค์กรต้องปฏิรูปตัวเองอย่างไร ธุรกิจแบบใดที่จะรอดพ้นจากเงื้อมือของ COVID-19 ติดตามได้ในตอนต่อไป

แปลและเรียบเรียงจาก
https://www.mckinsey.com/industries/healthcare-systems-and-services/our-insights/beyond-coronavirus-the-path-to-the-next-normal
โดยทีมงานสื่อสารการตลาด บริษัท เจนบรรเจิด จำกัด

 

 

*สื่อโฆษณา/ชิ้นงาน ข้อความในบทความนี้ เป็นทรัพย์สินทางปัญญาของ บริษัท เจนบรรเจิด จำกัด ผู้ใดละเมิดจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

The commercial, including articles and artworks shown is an intellectual property of Jenbunjerd Co.,Ltd.
Unauthorized reproduction is prohibited and may subject to criminal prosecution.