
Robotic Palletizer แบบไหนที่
การรวมระบบหุ่นยนต์จัดเรียงสินค้าบนพาเลทอัตโนมัติ (Robotic Palletizer) เข้าไปในกระบวนการทำงานนั้นต้องพิจาณาหลายปัจจัย ได้แก่
- Reach (ระยะเอื้อม) ระยะเอื้อมของแขนกลคือระยะทางจากจุดกึ่งกลางของหุ่นยนต์ ไปยังจุดที่แขนกลยื่นไปได้ไกลที่สุด โดยปกติจะเป้นทรงกลม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ต้องคำนึงถึงเวลายกของขึ้นสูง
- Payload (น้ำหนักที่ยกได้) มีหลายปัจจัยต้องคำนึงถึงเวลาพิจารณาถึงน้ำหนักที่แขนกลจะยกได้ ซึ่งน้ำหนักนี้จะต้องรวมถึงน้ำหนักมือจับ และสิ่งที่ต้องการจะยก โดย Payload ที่เอกสารระบุจะหมายถึง จุดศูนย์ถ่วงจะต้องอยู่ที่กึ่งกลางปลายแขนกลเท่านั้น ระยะที่ผิดไปจากนี้จะทำให้การรับน้ำหนักลดลง
- Speed เป็นเรื่องยากที่จะจัดกลุ่มและเปรียบเทียบ เนื่องจากความเร็วมักจะแสดงในรูปของความเร็วของแต่ละข้อต่อ ซึ่งอยู่ในรูปความเร็วเชิงมุม (องศาต่อวินาที) มีหลายเคสที่จำเป็นต้องทำ simulation เพื่อให้สามารถพิสูจน์ความเร็วว่าได้ตามที่วางแผนไว้จริงหรือไม่
- จำนวนแกนของแขนกล ส่วนใหญ่จะใช้แขนกลแบบ 4 แกนเพราะเวลาสินค้าถูกหยิบจับไปวางเรียงบนพาเลทมักจะขนานกับพื้นอยู่แล้ว แต่ในกรณีที่สินค้าต้องถูกจับหมุนหรือเอียง ควรจะเลือกแบบ 5-6 แกน
- มือจับ (End-of-Arm Tool หรือ EoAT) เป็นหัวใจของระบบหุ่นยนต์ ในหลายๆเคส EoAT จะเป็นตัวหยิบจับสินค้าเป็นคนสุดท้ายก่อนถึงมือลูกค้า ดังนั้นการหยิบจับสินค้าที่นุ่มนวล แม่นยำจึงมีความสำคัญมาก
ดังนั้นก่อนที่จะลงทุนซื้อ Robotic Palletizer คุณต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้ก่อนเพื่อให้คุณสามารถเลือกรูปแบบของหุ่นยนต์ แขนกล มือจับ และอุปกรณ์เสริมอื่นๆที่จะตอบโจทย์การทำงานของคุณมากที่สุด
ด้านสินค้า
- ขนาด รูปทรง วัสดุของสินค้า / บรรจุภัณฑ์ที่ต้องจัดเรียงมีทั้งหมดกี่แบบ ซึ่งเรื่องนี้จะช่วยให้คุณเลือก Reach (ระยะเอื้อม) และชนิดของแขนกลได้เหมาะสม
- น้ำหนักของสินค้า จะช่วยให้คุณเลือก Payload ที่เหมาะสม
- สินค้าแตกได้หรือไม่ มีมูลค่าสูงหรือไม่ เน้นเรื่องความเรียบร้อยสวยงามของชิ้นงานหรือไม่ เนื่องจากอุปกรณ์บางตัวอาจทำให้เกิดรูที่ shrink wrap หรือเกิดรอยบนบรรจุภัณฑ์
- สินค้ามีรูปทรงที่มั่นคง ซ้อนกันได้หรือไม่ หรือไหลไปมาได้
- จำนวน SKUs ต่อพาเลท
ด้านบรรจุภัณฑ์
- บรรจุภัณฑ์ของสินค้าสามารถรองรับน้ำหนักของตัวเองได้หรือไม่ หากไม่ได้ ก็ต้องมีการใช้ตัวซัพพอร์ตที่ด้านล่าง
- บรรจุในกล่อง ถาด ลัง หรือเป็น shrink-wrapped bulk packaging
- กล่องเปิดอย่างไร เป็นฝาแบบใด มีช่องที่ข้างกล่องหรือไม่ เป็นกล่องเปิด ติดกาว หรือติดเทป มี shrink wrap หรือไม่ ติด label หรือบาร์โค้ดหรือไม่ เช่น ในสถานการณ์ที่กล่องที่ถูกออกแบบไว้เพื่อดิสเพลย์สินค้าภายใน กล่องฝาเปิด หรือถาดที่ถูกหุ้มด้วยพลาสติกยืด การใช้มือจับ (EoAT) แบบหนีบข้าง หรือช้อนแล้วค่อยหนีบข้างจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
- ชนิดของบรรจุภัณฑ์ชั้นที่สอง (Secondary Packaging) คืออะไร
- หากเป็นถุง สิ่งที่บรรจุภายในมีลักษณะคงที่หรือต้องถูกวางแบบแบนราบบนพาเลท บรรจุเต็มหรือไม่ ทำจากวัสดุอะไร เป็นถุงกระดาษหรือพลาสติก มีการซีลหรือไม่ ซีลแบบใด เย็บติด หรือเชื่อมติดด้วยความร้อน
- เป็นการแพ็คแบบแน่นหนาหรือมีพื้นที่ด้านบนเหลือ ซึ่งอาจส่งผลต่อการรับน้ำหนักเวลาถูกวางเรียงซ้อนกัน
ด้าน Layout ของสายการผลิต
- มีพื้นที่เท่าไหร่ และตำแหน่งที่จะวาง Robotic Palletizer ภายในโรงงานอยู่ที่จุดใด
- เส้นทางการไหลของสินค้า สินค้าจะไหลไปที่ Robotic Palletizer อย่างไร
- ระยะทางจากพื้นที่การบรรจุภัณฑ์ไปสู่การจัดเรียงบนพาเลท
- จะมีสินค้าจากหลายไลน์ไหลไปที่ Robotic Palletizer หรือไม่
- สายการผลิตต้องปรับเปลี่ยนได้ง่ายขนาดไหน คุณควรจะคิดเผื่อเพื่อให้ระบบสามารถยืดหยุ่นไปตามการออกผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ใหม่ในอนาคตเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อลดการ retooling ในอนาคต
ด้านพาเลท
- หุ่นยนต์ของคุณต้องมีการวางแผ่นรองระหว่างชั้น (Tier Sheet) หรือสลิปชี้ทหรือไม่ การวางแผ่นรองหรือพาเลทจะทำให้เวลาในการทำงานเพิ่มขึ้นและอาจต้องการอุปกรณ์พิเศษเพิ่มเติม
- การวางสินค้าบนพาเลท เป็นต่อสลิปชีท หรือเป็น unitized loads
- แต่ละพาเลทวางสินค้าประเภทเดียว หรือหลายประเภท หรือปนๆกัน
- พาเลทที่เรียงต้องใช้ในการดิสเพลย์สินค้าหรือไม่ ต้องจัดวางให้ตราหรือป้ายบอกรายละเอียดหันออกด้านนอกหรือไม่
- แพทเทิร์นการจัดเรียงสินค้าบนพาเลทเป็นอย่างไร จะมีการเปลี่ยนแปลงบ่อยแค่ไหน
- จำนวนชนิดสินค้าและแพทเทิร์นการจัดเรียงที่แตกต่างกัน จำนวนชั้น ลักษณะโครงสร้างของแต่ละชั้น การหมุนของสินค้าแต่ละชั้นบนพาเลท
- ต้องห่อพาเลทด้วยพลาสติกยืดหรือไม่ มีการใช้เครื่องพันพาเลทในกระบวนการทำงานด้วยหรือไม่
ด้านอื่นๆ
- ความถี่ของการเปลี่ยน SKU ในแต่ละสายการผลิตเป็นเท่าไหร่
- ไลน์การแพ็คของคุณต้องทำงานได้เร็วเท่าไหน อุปกรณ์ที่คุณเลือกจะส่งผลอย่างมากต่อความเร็วในการทำงาน ต้องตัดสินให้ได้ก่อนว่าจำนวนการจัดเรียงกล่องต่อนาทีที่ต้องการอยู่ที่เท่าไหร่ จะช่วยให้คุณเลือกชนิดของหุ่นยนต์ได้
- มีการทำงานร่วมกันกับ AS/RS หรือไม่
- คุณต้องการให้การตั้งโปรแกรมง่ายขนาดไหน ถ้าเป็นประเด็นสำคัญ การเลือกซอฟท์แวร์ robot programming จะมีความสำคัญมาก
- คุณจะใช้ Robotic Palletizer ในการเรียงสินค้าบนพาเลทเท่านั้น หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นด้วย จะช่วยให้คุณเลือกชนิดของโรบอทและมือจับได้เหมาะสม อย่างมือจับแบบสูญญากาศที่มีการใช้งานที่หลากหลายในอุตสาหกรรมทั่วไป แต่ก็จะไม่เหมาะกับงาน palletizing และ depalletizing เป็นต้น
- ระยะเวลาในการหยิบจับและจัดเรียงสินค้า ระยะเวลาการไหลของสินค้า และงานอื่นๆที่ต้องทำ จึงจะสามารถทราบจำนวนแขนกลที่ต้องใช้
- จะต้องถูกฉีดน้ำล้างด้วยหรือเปล่า